วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2562

Diary 8

Monday 23 September 2019


 กลุ่มที่ 5 นำเสนอนวัตกรรม (Executive Functions) EF

     เป็นกระบวนการทางความคิด (Mental process) ในสมองส่วนหน้า ที่เกี่ยวข้องกับการคิด ความรู้สึก และการกระทำ เช่น การยั้งใจคิดไตร่ตรอง การควบคุมอารมณ์ การยืดหยุ่นทางความคิด การตั้งเป้าหมาย วางแผน ความมุ่งมั่น การจดจำและเรียกใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆ และการทำสิ่งต่างๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนจนบรรลุความสำเร็จ ช่วงวัย 3-6 ปีนี้ เป็นช่วงเวลาทองของชีวิตในการพัฒนาทักษะ EF ให้กับเด็ก เพราะสมองจะมีการพัฒนาทักษะ EF ได้ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ พ้นจากช่วงเวลานี้ไปถึงวัยเรียน วัยรุ่น หรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น แม้จะยังพัฒนาได้ แต่ก็จะไม่ได้ดีเท่ากับช่วงปฐมวัย
Executive Functions (EF) ประกอบด้วยทักษะ 9 ด้าน ประกอบด้วย

























 
1.Working memory

ความจำที่นำมาใช้งาน ➨ ความสามารถในการเก็บข้อมูล

2.Inhibitory Control

การยั้งคิด ➨ และควบคุมแรงปรารถนาของตนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

3.Shift หรือ Cognitive Flexibility

การยืดหยุ่นความคิด ➨ สามารถปรับเปลี่ยนความคิดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปยืดหยุ่นพลิกแพลงเป็น

4.Focus / Attention

การใส่ใจจดจ่อ ➨ มุ่งความสนใจอยู่กับสิ่งที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยไม่วอกแวก

5.Emotional Control

การควบคุมอารมณ์ ➨ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จัดการกับความเครียดความเหงาได้ มีอารมณ์มั่นคง และแสดงออกแบบที่ไม่รบกวนผู้อื่น

6.Planning and Organizing

การวางแผนและการจัดระบบดำเนินการ ➨ เริ่มตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย การเห็นภาพรวม จัดลำดับความสำคัญ จัดระบบโครงสร้าง จนถึงการแตกเป้าหมายให้เป็นขั้นตอน

7.Self -Monitoring

การรู้จักประเมินตนเอง ➨ รวมถึงการตรวจสอบการงานเพื่อหาจุดบกพร่อง และรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร ได้ผลอย่างไร

8.Initiating

การริเริ่มและลงมือทำงานตามที่คิด ➨ เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทำ ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง

9. Goal-Directed Persistence

ความพากเพียรมุ่งสู่เป้าหมาย ➨ เมื่อตั้งใจและลงมือทำแล้ว มีความมุ่งมั่นบากบั่น ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆก็พร้อมฝ่าฟันจนถึงความสำเร็จ

                                   


                                    

กลุ่มที่ 6 นำเสนอนวัตกรรม (Executive Functions) EF

     Executive Functions คือ กระบวนการทางความคิดในส่วน “สมองส่วนหน้า”

- เกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึก การกระทำ เป็นความสามารถของสมองที่ใช้บริหารจัดการชีวิต

- โดยในช่วงวัย 3-6 ปีของเด็ก จะเป็นช่วงที่ดีในการพัฒนาทักษะ EF ให้กับเด็ก

- ในช่วงนี้สมองจะมีการพัฒนาทักษะ EF ได้ดีที่สุด และหากพ้นจากช่วงเวลานี้ไป แม้ทักษะ EF จะยังมีการพัฒนาต่อได้ แต่ก็จะไม่ได้ดีเท่ากับช่วงในปฐมวัย

-ซึ่งทักษะ EF นั้น จะช่วยกำกับพฤติกรรมและอารมณ์ ช่วยปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

-ช่วยให้สามารถตัดสินใจ แก้ปัญหา วางแผน และจัดการงานต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงได้ดี

     จากการติดตาม EF ระยะยาวตั้งแต่อายุ 6-15 ปี

- พบว่าความจำใช้งานเริ่มชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่อายุ 6-12 ปี

-ในขณะที่ความยืดหยุ่นในการคิดวิเคราะห์จะมากขึ้นเรื่อยๆ

-ระหว่างอายุ 12-15 ปี การควบคุมยับยั้งจะสำคัญที่สุดและพัฒนามา

อย่างต่อเนื่อง


ประโยชน์ของ EF

•ส่งผลให้มีความจำดี มีสมาธิจดจ่อสามารถทำงานต่อเนื่องได้จนเสร็จ

•รู้จักการวิเคราะห์ มีการวางแผนงานอย่างเป็นระบบ ลงมือทำงานได้

•เป็นคนที่อดทนได้ รอคอยเป็น มีความมุ่งมั่นพร้อมความรับผิดชอบที่จะไปสู่ความสำเร็จ


ข้อจำกัดของ EF


 ความจำไม่ดี เรียนรู้ไม่ได้ ทำผิดซ้ำซาก

•ปรับตัวไม่ได้ อารมณ์เสียเมื่อต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม

•อารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง เศร้าเสียใจยาวนาน

•มีปัญหาในการเข้าสังคม

•มีแนวโน้มเจ็บป่วยโรคจิตเภท เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ฯลฯ

•มีโอกาสตัดสินใจผิดพลาดในชีวิต เช่น เรียนไม่จบ หรือตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร

•เสี่ยงต่อภาวะบกพร่องทางสมอง เช่น สมาธิสั้น หรืออัลไซเมอร์




กลุ่มที่ 7 นำเสนอนวัตกรรม การจัดการเรียนรู้แบบ Project Approach

     การสอนแบบโครงการ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการ แสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้

วิธีจัดการเรียนการสอนมี 4 ระยะ คือ

👉 ระยะที่ 1 เริ่มต้นโครงการ เด็กจะร่วมกันคิดเรื่องที่สนใจ

👉 ระยะที่ 2 ระยะวางแผนโครงการ เป็นช่วงเวลาที่กำหนดจุดประสงค์ว่าต้องการเรียนรู้อะไรกำหนดขอบเขตเนื้อหา ระยะเวลาและวิธีการศึกษา

👉 ระยะที่ 3 ดำเนินโครงการตามที่กำหนดไว้ ที่เน้นระบวนการแก้ปัญหา จัดเป็นหัวใจของการสอน
แบบโครงการ เพราะเด็กจะได้รับข้อมูลใหม่จากประสบการณ์ตรงหรือเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานเพราะ
เด็กได้สนทนา พูดคุยกับบุคคล และสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้ ขณะเดียวกันเด็กสามารถค้นความรู้จาก
แหล่งข้อมูลรอง (Secondary Sources) เช่น การดูวีดีทัศน์ การอ่านหนังสือ เป็นต้น

👉 ระยะที่ 4 สรุปโครงการ ครูและเด็กร่วมวางแผนสรุปโครงการ เป็นขั้นตอนการประเมินโครงการ
ทบทวนการปฏิบัติ และวางแผนโครงการใหม่ วิธีการสรุปโครงการอาจจะให้เด็กนำผลงานที่ได้รับ
มอบหมายมาแสดงต่อครูแล้วอภิปรายประเด็นปัญหา หรือให้เด็กนำเสนอผลงาน ในรูปของการจัด
แสดง จัดเป็นนิทรรศการ หรือสาธิตผลงาน



     กลุ่มที่ 8 นำเสนอนวัตกรรม มอนเตสเซอรี่ (Montessori)


จุดมุ่งหมายของการศึกษาแบบมอนเตสเซอรี่ คือ "ช่วยพัฒนา หรือให้เด็กมีอิสระในด้านบุคลิกภาพของเด็กในวิถีทางต่างๆ อย่างมากมาย "

ลักษณะการสอนระบบนี้ เด็กจะก้าวหน้าไปตามธรรมชาติของการพัฒนาของเด็ก เด็กมีอิสรภาพในการเลือกจากสิ่งแวดล้อมที่มีสิ่งต่างๆ

เด็กปกติในสิ่งแวดล้อมของมอนเตสซอรี่ จะพัฒนาการเรียนรู้ในการทำงานด้วยตนเองและความรู้สึกของความรับผิดชอบ มีวิธีการที่จะควบคุมตนเองได้สำเร็จ





 กลุ่มที่ 10 นำเสนอนวัตกรรม มอนเตสเซอรี่ (Montessori)

หลักการของ Montessori
ในการศึกษาแนวทางของมอนเตสซอรี่มีหลักอยู่ 5 ประการ คือ

1. เด็กจะต้องได้รับการยอมรับนับถือ เพราะเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ผู้ใหญ่ จึงควรยอมรับในแบบที่เขาเป็น และพัฒนาเด็กไปตามจุดแข็ง

2. เด็กที่มีจิตซึมซาบได้ จิตใจของเด็กในวัยนี้เรียนรู้ ซึบซับ ข้อมูลทุกอย่างได้ง่ายมากๆ โดยเฉพาะอายุตั้งแต่เกิด ถึง 3 ขวบ ผ่านประสาทสัผัสด้าน การชิม การดมกลิ่นและการสัมผัส

3. ช่วงเวลาหลักของชีวิต ช่วงแรกจนถึง 6 ขวบเป็นช่วงที่สำคัญมากในการพัฒนาทั้ง สติปัญญาและจิตใจ ในช่วงนี้ควรีอิสระ ช่วงนี้เด็กๆ สามารถเรียนรุ้ทักษะเฉพาะอย่างได้ดี ดังนั้นควรหมั่นสังเกตความสนใจ และเตรียมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกัน
4. การเตรียมสิ่งแวดล้อม เด็กจะเรียนรู้ได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ซึ่งการเรียนแบบมอนเตสซอรี่จะมีการเตรียมสภาพแวดล้อมให้เด็กๆ ไว้เป็นอย่างดี

5. การศึกษาด้วยตนเอง มอนเตสซอรี่มีความเชื่อว่า "ไม่ควรช่วยเด็กๆ ในสิ่งที่พวกเขาคิดว่าทำได้" การศึกษาด้วยตนเองทำให้เด็กได้เรียนรู้เรื่อระเบียบวินัย ได้ทดลองแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยตนเอง และทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจพร้อมทั้งเกิดการเห็นคุณค่าในตนเอง



🍓Assessment


💗Self : เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจฟังอาจารย์


💗Friend : เข้าเรียนตรงเวลา  การนำเสนองานหลากหลายรูปแบบซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนที่ดี 

💗Teacher : อาจารย์แนะนำข้อที่ควรเพิ่มเติม และมีการอธิบายในส่วนที่เพื่อนพรียังไม่ชัดเจน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น